โครงข้อหมุน (Truss) การออกแบบโครงหลังคาที่มีแรงลมมากระทำ
สำหรับตัวอย่างการคำนวณ โครงข้อหมุน (Truss) จากครั้งก่อนๆ ที่เคยทำตัวอย่างในการหา (1.) Reaction (2.) Internal force ที่เกิดขึ้นในแต่ละ member และ (3.) ออกแบบเพื่อเลือกหน้าตัดเหล็กที่เหมาะสม
สำหรับตัวอย่างการคำนวณ โครงข้อหมุน (Truss) จากครั้งก่อนๆ ที่เคยทำตัวอย่างในการหา (1.) Reaction (2.) Internal force ที่เกิดขึ้นในแต่ละ member และ (3.) ออกแบบเพื่อเลือกหน้าตัดเหล็กที่เหมาะสม
สำหรับโพสต์นี้อยากขอนำเสนอ นวัตกรรมโครงสร้างเหล็ก ที่มีชื่อว่า “PostConnex” ให้กับทุกท่านได้รู้จักกันครับ เผื่อว่าจะมีท่านใดสนใจ การก่อสร้างอาคารด้วยระบบพื้นคอนกรีตอัดแรงรูปแบบใหม่ โดยนวัตกรรมนี้ เป็นนวัตกรรมที่ทางพวกเราได้คิดค้นขึ้นมา ซึ่งเป็นการนำ “เสาเหล็ก” ไปใช้งานร่วมกับพื้น post-tension หรือระบบพื้นอัดแรง อย่างที่ได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ในโพสต์ก่อนๆ
เนื่องจากเห็นหลายๆ ท่านให้ความสนใจกับการออกแบบ โครงถัก หรือ truss เป็นจำนวนมากนะครับ วันนี้ก็เลยหยิบเนื้อหามามาคุยกันนิดนึง แล้วก็ทำตัวอย่างการหาแรงภายในและการหากำลังรับแรงของ member เข้ามาด้วยทีเดียวนะครับ ซึ่งในช่วงหลังๆ นี้เราจะเน้นเนื้อหาที่มีตัวอย่างการคำนวณเข้ามาด้วย เพราะพอจะเข้าใจว่าตัวอย่างค่อนข้างจะหายากนะครับ สำหรับการพิจารณาออกแบบ โครงถัก
สำหรับโพสต์นี้จะเป็นตัวอย่างการคำนวณ Truss (หรือที่เราเรียกกันว่าโครงข้อหมุน / โครงถัก) ด้วยมือ และการเลือก section ที่เหมาะสมนะครับ เนื่องจากเมื่อ 2 วันก่อน มีน้องนักศึกษาคนหนึ่งทักเข้ามาใน inbox ว่าอยากได้ตัวอย่างการคำนวณไปใช้เป็นตัวอย่างในการทำปริญญานิพนธ์
ด้วยความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement) ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านงานโครงสร้างเหล็ก รวมไปถึงงาน สะพานโครงสร้างเหล็ก จากผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 โดยในส่วนของงานสะพานโครงสร้างเหล็ก ก็ได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้
เมื่อวานได้มีโอกาสคุยกับน้องคนนึงถึงเรื่องการระบุ ช่องเปิดอาคาร ที่ถูกออกแบบให้ใช้งานเป็นอาคารโกดัง / คลังสินค้า ตาม ASCE7 ว่าจะตีความว่าอย่างไร ซึ่งในโพสต์นี้จะขออ้างอิง ASCE7 ปี 2005 นะครับ หรือ ASCE
การคำนวณแรงลม และการถ่ายแรงลมเข้าสำหรับอาคารสูงปานกลาง สำหรับเรื่องของแรงลมในโพสต์เก่าๆ ก่อนหน้านี้ เราได้พูดถึง การคำนวณแรงลม สำหรับอาคารเตี้ย (low-rise building) ทั้งตามวิธีของ มยผ. 1311 และ ASCE 7 กันไปค่อนข้างมากแล้ว รวมไปถึง
เรื่องนี้หลายท่านอาจยังไม่ทราบ ว่าเรา กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากการคำนวณ ออกแบบเสาเหล็ก และ compression member อื่นๆ ด้วยวิธีการเก่าๆ ที่เราคุ้นเคย คือการหาค่า K = effective
ถ้าท่านทำงานโครงสร้างเหล็กท่านคงจะเจอคำถามนี้บ่อยพอสมควร เป็นคำถามที่ตอบได้ยากเหมือนกันนะครับเพราะทั้ง 2 วิธีนี้ ล้วนแต่เป็นวิธีที่สามารถ ป้องกันสนิม ได้ทั้งคู่ แต่ทั้ง 2 วิธีกลับมีวิธีในการป้องกันสนิมที่แตกต่างกัน และต้นทุนในการทำก็แตกต่างกัน ซึ่งก็ต้องชั่งน้ำหนักกันระหว่างประโยชน์ที่ได้รับกับราคาที่ต้องจ่ายไป ที่เรียกว่า benefit/cost ratio
อย่างที่หลายๆ ท่านพอจะทราบกันดีว่าในการออกแบบส่วนเชื่อมต่อระหว่างส่วนโคนของเสาโครงสร้างและตอม่อสำหรับอาคารโรงงานหรือโกดังเก็บสินค้า นอกจากการที่เราจะต้องออกแบบ base plate เพื่อรับแรงกดและโมเมนต์แล้ว ในบางกรณีเราจำเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงแรงถอน ที่กระทำกับ anchorage อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายๆอย่าง อาทิเช่น แรงลม ที่อาจก่อให้เกิดแรงดูดที่หลังคาของอาคาร หรือแรงผลักที่ทำให้เกิดการพลิกคว่ำ หรือ
You need to login to access this content.