2021

Column (เสา)

การพิจารณาและการออกแบบ Web Tapered Section

สำหรับวิศวกรผู้ออกแบบหรือควบคุมงาน ที่ทำงานเกี่ยวกับ metal building ที่มีลักษณะการใช้งานเป็นโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าก็น่าจะคุ้นเคยกับหน้าตัดที่เรียกกันว่า tapered section กันเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือ หน้าตัดที่มีความลึกไม่สม่ำเสมอ (non – prismatic section) เนื่องจาก

Bolted Connection (ข้อต่อแบบใช้สลักเกลียว) Steel Connection (จุดต่อโครงสร้างเหล็ก) Welded Connection (ข้อต่อแบบใช้การเชื่อม)

ตัวอย่างการคำนวณออกแบบ Shear Connection (Shear Tap)

ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหานั้น ก็ขอพูดถึงแอพออกแบบโครงสร้างเหล็ก SSI Steel Design ก่อนนะครับ ว่า ตอนนี้เรากำลังพัฒนา feature สำหรับการคำนวณออกแบบ shear connection หากมีอัพเดทเมื่อไหร่ จะแจ้งให้ทราบทันทีครับ โดยเราได้มีการตั้งสมมติฐานสำหรับการออกแบบ

Bolted Connection (ข้อต่อแบบใช้สลักเกลียว) Steel Base Plate (แผ่นเหล็กรองฐานเสา) Steel Connection (จุดต่อโครงสร้างเหล็ก) Welded Connection (ข้อต่อแบบใช้การเชื่อม)

หลักการของ Base plate connection vs. End plate connection

ในโพสต์นี้ จะนำเสนอถึง ความใกล้เคียงกัน ในการพิจารณา Base plate connection และ End plate connection นะครับ ว่ามันหลักการที่ใกล้เคียงกัน คืออะไร หลังจากที่ได้ปูพื้นถึง

Bolted Connection (ข้อต่อแบบใช้สลักเกลียว) Steel Connection (จุดต่อโครงสร้างเหล็ก) Welded Connection (ข้อต่อแบบใช้การเชื่อม)

หลักการของ End-Plate Moment Connection

สำหรับเรื่องของ end-plate moment connection นี้ หลายท่านที่เคยทำงานออกแบบอาคารโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้า ที่เป็น low-rise buildings น่าจะคุ้นเคยกันดีกับจุดต่อ (connection) รูปแบบนี้นะครับ ซึ่งจะอยู่ใน AISC Design

Mechanics of Materials (กลศาสตร์ของวัสดุ)

การคำนวณหาตำแหน่งของ Shear Center บนหน้าตัดเหล็กรูปตัว C

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับ shear center กันก่อนครับว่า คืออะไร… ซึ่งก็ต้องตอบว่า มันคือ ตำแหน่งบนหน้าตัดของคาน ที่เมื่อมี load หรือแรงมากระทำผ่านจุดนี้แล้ว จะไม่ทำให้เกิดการหมุนหรือบิด ของหน้าตัดขึ้นนั่นเองครับ สำหรับเรื่องนี้

Steel Design and Philosophy

การเลือกใช้วิธีการออกแบบโครงสร้าเหล็กด้วยวิธี ASD vs LRDF

อย่างที่เคยนำเสนอ เรื่องของ วิธีออกแบบโครงสร้างเหล็ก ASD  vs LRFD แบบไหนประหยัดกว่ากัน? และเคยอธิบายแนวคิดของแต่ละวิธีให้ทราบกันแล้ว โพสต์นี้ก็เลย จะนำวิธีเลือกใช้วิธีการออกแบบให้ดูกันครับ ว่าในสถานการณ์ไหน เราควรออกแบบด้วยวิธีการใด วิธีการออกแบบโครงสร้างเหล็ก การออกแบบโครงสร้างเหล็กที่เรารู้จักกันดีก็จะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน

Bridge (สะพาน)

สะพานโครงสร้างเหล็ก กับน้ำหนักลงตอม่อที่หายไป (การเปรียบเทียบน้ำหนักของสะพานโครงสร้างเหล็ก และสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก)

อย่างที่ได้เคยนำเสนอประโยชน์ของ สะพานโครงสร้างเหล็ก ไปในโพสต์ก่อนนะครับ คลิกเลย !! ว่าโครงสร้างเหล็กนั้น เหมาะที่จะนำมาใช้กับงานก่อสร้างสะพาน และสะพานช่วงยาว มากๆ ด้วยความที่เหล็กเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงมากกว่า เมื่อเทียบกับคอนกรีตเสริมเหล็ก เพราะฉะนั้น จึงทำให้สะพานโครงสร้างเหล็ก ไม่จำเป็นจะต้องออกแบบให้ member มีขนาดที่หนา

Steel Connection (จุดต่อโครงสร้างเหล็ก) Welded Connection (ข้อต่อแบบใช้การเชื่อม)

การออกแบบรอยต่องานเชื่อม แบบบากร่อง Groove Weld (PJP & CJP)

สำหรับเนื้อหาในโพสต์นี้ จะคุยกันเรื่อง การออกแบบรอยต่องานเชื่อม หรือจริงๆ ก็คือ การคำนวณกำลังรับน้ำหนักของ groove weld หรือการเชื่อมแบบบากร่อง กันหน่อยนะครับ ซึ่งจริงๆ บางท่านที่คุ้นเคยกับ การออกแบบรอยต่องานเชื่อม แบบนี้อยู่แล้ว และอาจจะบอกว่า

Bolted Connection (ข้อต่อแบบใช้สลักเกลียว) Steel Connection (จุดต่อโครงสร้างเหล็ก)

การคำนวณออกแบบ การต่อคานเหล็ก หรือ Splice Moment Connection

สำหรับ connection รูปแบบนี้ ก็จะมีลักษณะที่เป็นการต่อคานกับคานเข้าด้วยกัน หรือหลายคนอาจเรียกว่า ” การต่อคานเหล็ก ” นะครับ ซึ่งการที่เราต้องทำการต่อคานนั้น อาจมีสาเหตุมาจากการที่ member มีความยาวมากจนเกินไปทำให้ไม่สามารถขนส่งได้ จึงต้องทำการตัด member

You need to login to access this content.