การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายของอาคารที่ใช้ระบบพื้น post tension หากเลือกใช้เสาเหล็ก HSS และเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

ก่อนที่เราจะมาเปรียบเทียบต้นทุน ค่าใช้จ่ายของอาคารที่ใช้ระบบพื้น post tension ลองอ่านบทความก่อนหน้านี้ดูก่อนได้นะครับ สำหรับท่านใดที่ยังไม่รู้จักระบบพื้นประเภทนี้ (สามารถอ่านได้โดยการกดคลิกที่ หัวข้อด้านล่าง ทั้ง 3 ตอนเลย)

ตอนที่ 1: ระบบพื้น post-tension คืออะไร 

ตอนที่ 2: ลักษณะการวิบัติของพื้นอัดแรง (post tensioned slab)

ตอนที่ 3 เสาเหล็ก HSS ดีอย่างไร และวิธีการคำนวณกำลังรับน้ำหนัก

จากโพสต์ก่อน ตอนที่ 3 เราได้เห็นกำลังของเสาเหล็ก HSS กันไปแล้วนะครับ ว่าเสาเหล็ก HSS หน้าตัดสี่เหลี่ยมจตุรัส ขนาด 200 x 200 x 6 mm. เกรด SS400 ยาว 2.50 เมตร มีกำลังรับน้ำหนักที่เป็น axial compression ถึง 95 tons

ดังนั้นแล้ว หากนำพื้น post tension มาใช้กับเสาเหล็กได้ จะทำให้เกิดความคุ้มค่ากับเจ้าของอาคารมากน้อยขนาดไหน ได้พื้นที่ของอาคารเพิ่มขึ้นไหม ลองมาดูกันครับ

ข้อกำหนดของการออกแบบและก่อสร้างเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

เรามาพูดการข้อกำหนดต่างๆ ของเสาคอนกรีตเสริมเหล็กกันก่อนนะครับ

ข้อกำหนดของเสาตามมาตรฐาน วสท. ระบุไว้ดังนี้

  1. ด้านแคบสุดของเสาจะต้องมีระยะไม่ต่ำกว่า 20 cm. หรือยกเว้นเสาต้นที่ไม่มีชั้นต่อเนื่อง จะยอมให้เหลือ 15 cm.
  2. พื้นที่หน้าตัดรวมของเหล็กเสริม (As) จะต้องมีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 1% และไม่เกิน 8% เมื่อเทียบกับหน้าตัดเสา (Ag) หรือ 0.01 < ρg < 0.08
  3. เหล็กเสริมที่ใช้จะต้องไม่เล็กกว่า 12 mm. และใช้เหล็กเสริมไม่น้อยกว่า 4 เส้น สำหรับเสาปลอกเดี่ยว
  4. ระยะคอนกรีตหุ้มเหล็กเสริมอย่างน้อย 3.5 cm.
  5. ขนาดของเหล็กปลอกจะต้องมีขนาดอย่างน้อย 6 mm. สำหรับเหล็กยืนที่มีขนาด 20 mm. หรือเล็กกว่า
  6. ระยะห่างของเหล็กปลอกจะต้องไม่มากกว่า 16 เท่าของขนาดเหล็กยืน 48 เท่าของขนาดเหล็กปลอก และความกว้างหน้าเสาที่แคบที่สุด

จะเห็นได้ว่า หน้าตัดที่เล็กที่สุดสำหรับเสาคอนกรีตเสริมเหล็กจะมีค่าอยู่ที่ 20 cm. เนื่องจากเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำเพื่อให้สามารถทำงานได้ง่ายและเหล็กไม่แน่นเกินไป


ข้อกำหนดของการออกแบบและก่อสร้างเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

วิธีการพิจารณาและคำนวณกำลังรับน้ำหนักของเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

อย่างที่ทราบกันดีว่า วิธีการออกแบบเพื่อหากำลังรับน้ำหนักของเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ

  1. Working Stress Design (WSD) – วิธีหน่วยแรงใช้งาน
  2. Strength Design Method (SMD) – วิธีกำลัง

ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ ก็จะไปคล้ายๆ กับการออกแบบโครงสร้างเหล็กที่มี 2 วิธีเช่นเดียวกัน คือ ASD และ LRFD (ซึ่งในปัจจุบันเป็น unified method ไปแล้ว)

หากเลือกวิธีการออกแบบเสาคอนกรีตเสริมเหล็กด้วยวิธีกำลัง (SMD)

phiPn >= Pu โดยที่ Pu = 1.4DL + 1.7LL และค่า phi = 0.70 (สำหรับเสาปลอกเดี่ยว)

โดยสมการคำนวณกำลังรับน้ำหนัก axial compression เป็นดังนี้

phiPn = 0.80phi [ 0.85 f’c(Ag – Ast) + Fy Ast]

จะเห็นว่าตัวแปรทั้งหมดที่อยู่ในสมการนั้น ก็จะเป็นตัวแปรทั่วไปที่เราทราบกันอยู่แล้ว เมื่อกำหนดวัสดุที่จะใช้ (ทั้งคอนกรีตและเหล็ก)


ว่า วิธีการออกแบบเพื่อหากำลังรับน้ำหนักของเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

กำลังรับน้ำหนักของเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

ดังนั้นหากลองเลือกเสาคอนกรีตขนาด 20 x 20 cm. ใช้ค่า f’c = 240 ksc เหล็กข้ออ้อย SD40 มีค่า Fy = 4,000 ksc และใส่เหล็กยืน = 6DB12 (ใส่แบบแน่นๆเลย)

– ตรวจสอบสัดส่วนของเหล็กต่อคอนกรีต >> Ast = 6 x pi(1.2^2)/4 = 6.79 cm2 และ Ag = 20 x 20 = 400 cm2

Ast / Ag = 6.79 / 400 = 0.017 หรือ 1.7% ซึ่งอยู่ในปริมาณที่ข้อกำหนดระบุไว้

ดังนั้นกำลังรับน้ำหนักของเสาต้นนี้จะมีค่าเท่ากับ

phiPn = 0.8(0.7)[0.85(240)(400 – 6.79) + (4000)(6.79)] = 60 tons


ออกแบบเสาคอนกรีตเสริมเหล็กด้วยวิธี SDM

การเปรียบเทียบกำลังรับน้ำหนักของเสาเหล็ก HSS และเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

จากกำลังรับน้ำหนักของเสาคอนกรีตที่คำนวณได้มีค่าเท่ากับ 60 tons หากลองมาเทียบกับกำลังรับน้ำหนักของเสาเหล็ก HSS ที่มีค่าเท่ากับ 95 tons จะเห็นว่า มีกำลังแตกต่างกันอยู่ถึงประมาณ 37% เลย สำหรับเสาที่มีขนาดหน้าตัดเท่าๆ กัน (20 x 20 cm.)

ซึ่งหากต้องการให้เสาคอนกรีตนี้มีกำลังเท่าๆ กับเสาเหล็ก HSS ที่ 95 tons จะต้องใช้เสาคอนกรีตที่มีขนาดหน้าตัดเท่ากับ 27.5 x 27.5 cm.ก็จะทำให้เสามีขนาดที่ใหญ่ขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งหากคิดเป็นเปอร์เซนต์พื้นที่ ก็จะเห็นว่าเสา RC ใช้พื้นที่มากกว่าเสา HSS มากถึง 47%  ซึ่งก็จะเสียพื้นที่ใช้ไปค่อนข้างมากทีเดียว


กำลังรับน้ำหนักของเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

เปรียบเทียบกำลังรับน้ำหนักของเสาเหล็ก HSS และเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

เปรียบเทียบกำลังรับน้ำหนักของเสาเหล็ก HSS และเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก

สำหรับโพสต์นี้ น่าจะพอทำให้ทุกท่านเห็นภาพว่า การใช้เสาเหล็ก HSS นั้นมีข้อดีที่แตกต่างจากการใช้เสาคอนกรีตแบบเดิมๆ ที่ชัดเจน ทั้งด้านความรวดเร็วในการติดตั้ง และเรื่องของการได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของอาคารอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ developer ที่ต้องการก่อสร้างคอนโดหรืออาคารจอดรถ ที่มีรายได้หลักจากการขายพื้นที่ โดยการวัดเป็นตารางเมตรครับ

About the Author

You need to login to access this content.